อาการ เสียวฟัน คือความรู้สึกเจ็บแปลบสั้นๆ ที่เกิดขึ้นเมื่อฟันสัมผัสกับสิ่งกระตุ้นบางอย่าง เช่น ของเย็น, ร้อน, หวาน, หรือแม้แต่ลมหายใจเย็นๆ ข้อแตกต่างที่สำคัญระหว่างอาการ "เสียวฟัน" กับ "ปวดฟัน" คือ อาการเสียวฟันมักเกิดขึ้นทันทีเมื่อมีสิ่งกระตุ้นและหายไปอย่างรวดเร็วเมื่อนำสิ่งกระตุ้นนั้นออกไป ในขณะที่อาการปวดฟันมักจะคงอยู่นานและรุนแรงกว่า
กลไกการเกิดอาการ เสียวฟัน
ภายใต้ผิวเคลือบฟัน (Enamel) ซึ่งเป็นชั้นนอกสุดที่ไม่มีความรู้สึก คือชั้นของ เนื้อฟัน (Dentin) ซึ่งมีลักษณะเป็นท่อเล็กๆ จำนวนมหาศาล (Dentinal tubules) ที่เชื่อมต่อจากภายนอกเข้าไปยังโพรงประสาทฟันชั้นในสุด ภายในท่อเหล่านี้มีของเหลวบรรจุอยู่
ตามทฤษฎี Hydrodynamic เมื่อเนื้อฟันถูกเปิดออก (จากการสึกกร่อนหรือเหงือกร่น) และสัมผัสกับสิ่งกระตุ้นภายนอก เช่น ความเย็น จะทำให้ของเหลวภายในท่อเกิดการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะไปกระตุ้นปลายประสาทในโพรงฟัน ทำให้เรารู้สึกเจ็บแปลบหรือ "เสียวฟัน" ขึ้นมา
สาเหตุหลักที่ทำให้เนื้อฟันถูกเปิดออก
- เหงือกร่น (Gum Recession): เป็นสาเหตุที่พบได้บ่อยที่สุด เมื่อเหงือกร่นจะทำให้ผิวรากฟันที่ไม่มีเคลือบฟันปกป้อง โผล่ออกมาสัมผัสกับสิ่งกระตุ้นในช่องปากโดยตรง ปัจจัยที่ทำให้เหงือกร่นมีทั้งการแปรงฟันแรงเกินไป โรคเหงือกอักเสบ หรืออายุที่เพิ่มขึ้น
- การสึกของเคลือบฟันจากกรด (Dental Erosion): การบริโภคอาหารหรือเครื่องดื่มที่เป็นกรดสูงเป็นประจำ (เช่น น้ำอัดลม, น้ำผลไม้รสเปรี้ยว) หรือภาวะกรดไหลย้อน สามารถละลายผิวเคลือบฟันให้บางลงจนถึงชั้นเนื้อฟัน
- ฟันสึกจากการใช้งาน (Attrition/Abrasion): การนอนกัดฟัน หรือการใช้แปรงสีฟันขนแข็งและแปรงฟันผิดวิธี สามารถทำให้ผิวเคลือบฟันโดยเฉพาะบริเวณคอฟันสึกเป็นร่องได้
- ฟันผุ ฟันร้าว หรือวัสดุอุดรั่ว: รอยผุ รอยร้าว หรือขอบวัสดุอุดที่ไม่แนบสนิท ล้วนเป็นช่องทางให้สิ่งกระตุ้นภายนอกเข้าไปถึงชั้นเนื้อฟันได้
- ผลข้างเคียงจากการฟอกสีฟัน: สารฟอกสีฟันอาจแทรกซึมเข้าไปในผิวฟันและกระตุ้นเส้นประสาทได้ชั่วคราว ซึ่งอาการมักจะหายไปได้เองหลังหยุดการฟอกสีฟัน
การป้องกัน อาการเสียวฟัน
- ปรับเทคนิคการแปรงฟัน: ใช้ แปรงสีฟันขนนุ่ม และแปรงด้วยแรงที่เบาที่สุด เน้นทำความสะอาดบริเวณขอบเหงือกอย่างนุ่มนวล
- เลือกใช้ยาสีฟันที่เหมาะสม: ใช้ยาสีฟันที่มีสารช่วยลดอาการ เสียวฟัน โดยเฉพาะ เช่น โพแทสเซียมไนเตรต (Potassium Nitrate)
- ระวังอาหารและเครื่องดื่ม: ลดความถี่ในการบริโภคของที่เป็นกรด และควรรออย่างน้อย 30 นาทีก่อนแปรงฟันหลังจากทานของเปรี้ยว เพื่อให้ผิวฟันมีเวลาฟื้นตัว
- แก้ไขภาวะนอนกัดฟัน: หากคุณมีภาวะนอนกัดฟัน ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อทำ เฝือกสบฟัน (Night Guard) ป้องกันฟันสึก
แนวทางการรักษาตามระดับอาการ
- ระดับเบา: การใช้ ยาสีฟันลดอาการเสียวฟัน อย่างสม่ำเสมอ 2-4 สัปดาห์ มักจะช่วยให้อาการดีขึ้น
- ระดับปานกลาง: ทันตแพทย์อาจช่วยโดยการ ทาฟลูออไรด์วาร์นิช หรือสารที่ช่วยอุดปิดท่อเนื้อฟัน ซึ่งจะให้ผลที่รวดเร็วกว่า
- ระดับที่มีสาเหตุเฉพาะเจาะจง:
- หากเกิดจากคอฟันสึก อาจทำการ อุดปิดบริเวณคอฟัน ด้วยวัสดุสีเหมือนฟัน
- หากเหงือกร่นมาก อาจพิจารณา การผ่าตัดปลูกถ่ายเหงือก เพื่อปิดผิวรากฟัน
- หากเกิดจากฟันร้าวหรือการสบฟัน อาจต้องทำ ครอบฟัน หรือปรับการสบฟัน
- ระดับรุนแรง: หากอาการเสียวรุนแรงมากจนคล้ายอาการปวด อาจต้องประเมินเพื่อทำการ รักษารากฟัน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
- Q: ต้องใช้ยาสีฟันลด เสียวฟัน ตลอดไปหรือไม่?
- A: ในช่วงแรกควรใช้ต่อเนื่องจนอาการดีขึ้น หลังจากนั้นอาจสลับใช้กับยาสีฟันปกติได้ แต่หากอาการกลับมาอีก ก็สามารถกลับไปใช้ต่อเนื่องได้โดยไม่มีอันตราย
- Q: ฟอกสีฟันแล้วเสียว ควรทำอย่างไร?
- A: ควรหยุดฟอกสีฟันชั่วคราว แล้วใช้ยาสีฟันลด เสียวฟัน จากนั้นจึงปรึกษาทันตแพทย์เพื่อปรับลดความเข้มข้นของน้ำยาหรือลดระยะเวลาในการฟอกสีฟันลง
- Q: ทำไมถึง เสียวฟัน แค่บางซี่ โดยเฉพาะฟันหน้าหรือบริเวณคอฟัน?
- A: เพราะบริเวณคอฟันเป็นส่วนที่เคลือบฟันบางที่สุดและเหงือกร่นได้ง่าย ประกอบกับฟันหน้ามักจะเป็นส่วนที่สัมผัสกับอาหารและแรงแปรงโดยตรงมากกว่าฟันซี่อื่น