คุณเคยเผชิญกับปัญหาฟันหายไปหนึ่งซี่หรือมากกว่านั้นไหม? หลายคนอาจคิดว่า “แค่ฟันหายไปซี่เดียวคงไม่เป็นไร” แต่ในความเป็นจริงแล้ว การสูญเสียฟันส่งผลกระทบมากกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นการบดเคี้ยวอาหารที่ลำบากขึ้น การออกเสียงที่ผิดเพี้ยน หรือแม้กระทั่งเปลี่ยนแปลงโครงสร้างใบหน้าในระยะยาว
หากคุณกำลังเผชิญกับปัญหาเหล่านี้ และกำลังมองหาวิธีฟื้นฟูฟันที่มั่นคง แข็งแรง และสามารถใช้งานได้เหมือนฟันธรรมชาติ รากฟันเทียม อาจเป็นการรักษาที่เหมาะกับคุณมากที่สุด เพราะรากฟันเทียม ไม่เพียงช่วยคืนรอยยิ้มและความมั่นใจ แต่ยังช่วยป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต แล้วทำไมต้องทำรากฟันเทียม? บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับการรักษาประเภทนี้มากขึ้น สร้างการรับรู้และเข้าใจถึงปัญหาของช่องปาก เพื่อการรักษาอย่างถูกวิธี
รากฟันเทียมคืออะไร? ทำไมถึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด?
ปัจจุบันเทคโนโลยีทางทันตกรรมได้พัฒนาไปอย่างก้าวกระโดด ทำให้มีทางเลือกในการทดแทนฟันที่สูญเสียไปมากขึ้น หนึ่งในทางเลือกที่ได้รับความนิยมและให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดก็คือ รากฟันเทียม (Dental Implant) ซึ่งเป็นวิธีที่ช่วยฟื้นฟูการใช้งานของฟันได้ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด
รากฟันเทียมไม่ได้เป็นเพียงฟันปลอมที่ใส่แทนฟันจริง แต่เป็นโครงสร้างที่ออกแบบมาเพื่อทดแทนรากฟันธรรมชาติ ซึ่งมีความแข็งแรงและทนทานต่อแรงบดเคี้ยวสูง ทำให้ผู้ที่เข้ารับการรักษาสามารถใช้งานฟันได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
รากฟันเทียม (Dental Implant) คืออะไร?
รากฟันเทียมเป็นอุปกรณ์ทางทันตกรรม ที่ใช้ทดแทนฟันที่สูญเสียไปโดยการฝังรากเทียมลงใน กระดูกขากรรไกร เพื่อให้ทำหน้าที่เป็นรากฟันใหม่ที่แข็งแรงพอจะรองรับการใส่ฟันปลอมแบบถาวร ด้านบนรากฟันเทียมผลิตจากวัสดุไทเทเนียม (Titanium) ซึ่งเป็นวัสดุที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ว่ามีความปลอดภัยสูงสามารถเข้ากับร่างกายได้โดยไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือการต่อต้านจากระบบภูมิคุ้มกัน
โครงสร้างของรากฟันเทียมประกอบด้วย 3 ส่วนหลัก
1. รากฟันเทียม (Implant Fixture) ส่วนที่ฝังลงไปในกระดูกขากรรไกร ทำหน้าที่เป็นรากฟันใหม่
2. แกนต่อ (Abutment) เชื่อมต่อระหว่างรากฟันเทียมกับฟันปลอมด้านบน
3. ครอบฟัน (Crown) เป็นส่วนที่ทำหน้าที่เป็นตัวฟัน สามารถออกแบบให้เข้ากับสีและรูปร่างของฟันธรรมชาติ
เมื่อฝังรากฟันเทียมเข้าไปแล้ว กระดูกขากรรไกรจะค่อย ๆ เชื่อมติดกับไทเทเนียม ผ่านกระบวนการที่เรียกว่า Osseointegration ซึ่งช่วยให้รากฟันเทียมมีความแข็งแรงและ สามารถรองรับแรงบดเคี้ยวได้เหมือนฟันธรรมชาติ
ข้อดีของรากฟันเทียม ทำไมจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด?
1. บดเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ
รากฟันเทียมสามารถรองรับแรงบดเคี้ยวได้ดีไม่ต่างจากฟันธรรมชาติ ทำให้สามารถรับประทานอาหารได้หลากหลาย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องฟันปลอมหลุดหรือการเคี้ยวที่ไม่ละเอียด
2. ป้องกันกระดูกขากรรไกรฝ่อ
เมื่อฟันถูกถอนออกไปกระดูกขากรรไกรจะค่อย ๆ ยุบตัวลงเนื่องจากไม่มีแรงกดจากรากฟัน การใส่รากฟันเทียมจะช่วยกระตุ้นให้กระดูกขากรรไกรยังคงแข็งแรงดังเดิม
3. ไม่กระทบต่อฟันข้างเคียง
ต่างจากสะพานฟันที่ต้องกรอฟันข้างเคียง รากฟันเทียมเป็นการใส่ฟันอย่างอิสระ ไม่ต้องพึ่งพาฟันซี่อื่น ทำให้สุขภาพฟันโดยรวมดีขึ้น
4. เสริมบุคลิกภาพ เพิ่มความมั่นใจ
การมีฟันที่แข็งแรงและสวยงามช่วยเพิ่มความมั่นใจในการพูดและรอยยิ้ม โดยเฉพาะผู้ที่ต้องพบปะผู้คนเป็นประจำ อย่างวัยทำงานที่ต้องไปพูดคุยกับลูกค้า เป็นต้น
5. อายุการใช้งานยาวนาน
รากฟันเทียมที่ทำจากไทเทเนียมมีอายุการใช้งานที่ยาวนานอยู่ได้ตลอดชีวิต หากดูแลอย่างถูกต้อง ต่างจากฟันปลอมหรือสะพานฟันที่อาจต้องเปลี่ยนหลังจากผ่านไป 5-10 ปี
รากฟันเทียมต่างจากฟันปลอมและสะพานฟันอย่างไร?
ในการทดแทนฟันที่สูญเสียไปนอกจากรากฟันเทียมแล้ว ยังมีทางเลือกอื่น ๆ เช่น ฟันปลอมแบบถอดได้ และสะพานฟัน (Dental Bridge) แต่ทั้งสองวิธีต่างก็มีข้อจำกัดที่ทำให้รากฟันเทียมเป็นตัวเลือกที่เหมาะสมกับการใช้งานมากกว่า
ฟันปลอมแบบถอดได้ (Removable Denture)
- เป็นฟันปลอมที่สามารถถอดออกได้ทุกครั้งเมื่อต้องการทำความสะอาด
- อาจทำให้รู้สึกไม่มั่นคงขณะใช้งาน เพราะฟันปลอมอาจเลื่อนไหลขณะเคี้ยวอาหารหรือพูด
- ต้องพึ่งพาการยึดติดกับเหงือกหรือฟันข้างเคียง อาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองหรือเจ็บเหงือกได้
- หากใช้เป็นเวลานาน อาจทำให้กระดูกขากรรไกรฝ่อ เนื่องจากไม่มีรากฟันที่กระตุ้นการเจริญเติบโตของกระดูก
สะพานฟัน (Dental Bridge)
- เป็นการใช้ฟันข้างเคียงเป็นหลักยึด โดยต้องกรอฟันข้างเคียงเพื่อให้สามารถใส่สะพานฟันได้
- แม้จะมีความมั่นคงมากกว่าฟันปลอม แต่การกรอฟันข้างเคียงอาจทำให้ฟันแท้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น
- ไม่สามารถป้องกันกระดูกขากรรไกรฝ่อได้ เนื่องจากไม่มีรากฟันเทียมฝังอยู่ในกระดูก
รากฟันเทียม (Dental Implant)
- ฝังลงในกระดูกขากรรไกร เหมือนรากฟันจริง ทำให้มั่นคงและแข็งแรง
- ไม่ต้องกรอฟันข้างเคียงแบบสะพานฟัน
- ป้องกันกระดูกขากรรไกรฝ่อ เพราะรากฟันเทียมช่วยกระตุ้นให้กระดูกยังคงแข็งแรง
- ให้ความรู้สึกเหมือนฟันธรรมชาติ สามารถใช้งานได้เหมือนฟันจริง

สาเหตุที่ทำให้ต้องทำรากฟันเทียม?
รากฟันเทียมถือเป็นอีกหนึ่งในวิธีแก้ปัญหาการสูญเสียฟันที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด แต่หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมต้องทำรากฟันเทียม? หรือ เกิดจากอะไรถึงต้องใส่รากฟันเทียม? การสูญเสียฟันไม่ได้เกิดขึ้นแค่จากอุบัติเหตุเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีหลายปัจจัยที่สามารถทำให้ฟันหายไป ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพช่องปาก ความสามารถในการเคี้ยวอาหาร และแม้แต่บุคลิกภาพของเรา หากไม่แก้ไขอาจทำให้เกิดปัญหาต่อเนื่อง เช่น ฟันข้างเคียงล้ม กระดูกขากรรไกรฝ่อ หรือเกิดปัญหาการสบฟันผิดปกติ
ปัจจัยที่ทำให้ต้องทำรากฟันเทียม
1. ฟันผุรุนแรง จนไม่สามารถรักษาได้
ฟันผุเป็นปัญหาที่พบบ่อยที่สุด หากปล่อยไว้โดยไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้โพรงฟันเสียหายจนลึกถึงโพรงประสาทฟันส่งผลให้เกิดการติดเชื้อ แม้ว่าการรักษารากฟันอาจช่วยได้ในบางกรณี แต่ถ้าการติดเชื้อรุนแรงมากทันตแพทย์อาจต้องถอนฟันเพื่อป้องกันการลุกลามของเชื้อโรค
ผลกระทบเมื่อฟันผุจนต้องถอนฟัน
- สูญเสียฟันแท้ถาวร
- ฟันข้างเคียงอาจล้มเข้ามา ทำให้เกิดปัญหาการสบฟันผิดปกติ
- กระดูกขากรรไกรในบริเวณที่สูญเสียฟันจะค่อย ๆ ฝ่อ
ทำไมถึงควรทำรากฟันเทียม?
- สามารถทดแทนฟันที่เสียไปได้โดยไม่ต้องพึ่งพาฟันข้างเคียง
- ป้องกันกระดูกขากรรไกรฝ่อ ช่วยให้ใบหน้าคงรูปเดิม
- ให้ความรู้สึกและประสิทธิภาพการบดเคี้ยวใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ
2. ฟันโยกจากโรคเหงือกอักเสบ หรือปริทันต์อักเสบ
โรคเหงือกอักเสบ (Gingivitis) และโรคปริทันต์อักเสบ (Periodontitis) เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ ผู้คนต้องสูญเสียฟัน โรคเหงือกอักเสบที่ไม่ได้รับการรักษาสามารถลุกลามไปทำลายกระดูกที่รองรับฟัน ทำให้ฟันเริ่มโยกและหลุดออกมาเองในที่สุด
สัญญาณเตือนของโรคเหงือกอักเสบที่อาจทำให้ต้องถอนฟัน
- เหงือกบวม แดง และมีเลือดออกขณะแปรงฟัน
- มีกลิ่นปากเรื้อรัง
- ฟันโยก หรือรู้สึกเหมือนฟันกำลังเคลื่อนตัว
- เหงือกร่นจนเห็นรากฟัน
รากฟันเทียมช่วยแก้ปัญหาอย่างไร?
- ทดแทนฟันที่หลุดไปโดยไม่ต้องใช้ฟันข้างเคียงเป็นหลักยึด
- ป้องกันการสูญเสียกระดูกขากรรไกรที่เกิดจากโรคเหงือก
- ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีรอยยิ้มที่มั่นใจ และลดความเสี่ยงของการสูญเสียฟันซี่อื่น ๆ
3. อุบัติเหตุ หรือฟันแตกหักจากแรงกระแทก
บางครั้งอุบัติเหตุก็เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุจากการล้ม การเล่นกีฬา หรืออุบัติเหตุทางรถยนต์ แรงกระแทกที่รุนแรงอาจทำให้ฟันแตกจนไม่สามารถซ่อมแซมได้ และต้องถอนออกในที่สุด
กรณีที่พบบ่อยของฟันแตกหักที่อาจต้องทำรากฟันเทียม
- ฟันหักลงไปถึงรากฟัน
- รากฟันแตกร้าวจนไม่สามารถรักษาได้
- ฟันแตกจากแรงกระแทกอย่างรุนแรง เช่น อุบัติเหตุทางรถยนต์
ทำไมรากฟันเทียมถึงเป็นตัวเลือกที่ดี?
- ช่วยทดแทนฟันที่เสียหายจากอุบัติเหตุได้อย่างถาวร
- แข็งแรงกว่าและให้ความรู้สึกเหมือนฟันธรรมชาติมากกว่าฟันปลอม
- ลดผลกระทบต่อฟันข้างเคียงที่อาจต้องรองรับแรงบดเคี้ยวมากขึ้น
4. การถอนฟันแล้วไม่ได้ใส่ฟันทดแทน
บางคนอาจเคยถอนฟันไปนานแล้ว แต่ไม่ได้ใส่ฟันปลอมหรือรากฟันเทียมทดแทน ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาในระยะยาว เช่น ฟันข้างเคียงล้มเข้าหาช่องว่าง กระดูกขากรรไกรฝ่อ และเกิดปัญหาการสบฟันผิดปกติ
ผลกระทบของการปล่อยให้ฟันหายไปนาน ๆ
- ฟันซี่ข้าง ๆ ล้มเข้าหาช่องว่าง ทำให้เกิดฟันเก
- กระดูกขากรรไกรบริเวณนั้นฝ่อลง ทำให้ใบหน้าดูแก่ก่อนวัย
- ฟันที่เหลืออาจต้องทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้เสื่อมสภาพเร็วขึ้น
รากฟันเทียมช่วยแก้ปัญหานี้ได้อย่างไร?
- รักษาตำแหน่งฟันให้คงที่ ป้องกันฟันล้ม
- ช่วยกระตุ้นกระดูกขากรรไกรให้คงสภาพ
- ทำให้เคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพเหมือนฟันธรรมชาติ
5. ฟันหายแต่กำเนิด หรือฟันไม่ขึ้นตามธรรมชาติ
บางคนมีภาวะฟันหายแต่กำเนิด หรือฟันแท้ไม่ขึ้นหลังจากฟันน้ำนมหลุด ซึ่งอาจทำให้เกิดปัญหาด้านการสบฟันและบุคลิกภาพตามมาในภายหลัง จึงทำให้จำเป็นที่จะต้องรักษาด้วยรากฟันเทียม
ปัญหาที่อาจเกิดจากฟันหายแต่กำเนิด
- ฟันข้าง ๆ อาจเคลื่อนเข้ามาทำให้ช่องว่างปิด ส่งผลต่อการเรียงตัวของฟัน
- หากเป็นฟันหน้าที่หายไป อาจส่งผลต่อรอยยิ้มและความมั่นใจ
- หากเป็นฟันกราม อาจทำให้การเคี้ยวอาหารผิดปกติ
รากฟันเทียมช่วยอะไรได้บ้าง?
- เติมเต็มช่องว่างของฟัน ทำให้รอยยิ้มดูเป็นธรรมชาติ
- ช่วยให้ฟันสบกันอย่างเหมาะสม ป้องกันปัญหาการสบฟันผิดปกติ
- ใช้งานได้เหมือนฟันจริง ไม่ต้องกังวลเรื่องการดูแลแบบฟันปลอม
รากฟันเทียมเป็นวิธีการรักษาเพื่อให้ฟันที่ได้ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติมากที่สุด ทั้งในแง่ของโครงสร้าง ความแข็งแรง และอายุการใช้งาน ต่างจากฟันปลอมและสะพานฟันที่มีข้อจำกัดบางอย่าง ต่างจากรากฟันเทียมสามารถให้ผลลัพธ์ที่ถาวร แข็งแรง และใช้งานได้เหมือนฟันจริงมากกว่า ทำให้เหมาะกับผู้ที่ต้องการ ทดแทนฟันที่สูญเสียไปโดยไม่ต้องพึ่งพาฟันข้างเคียง ป้องกันกระดูกขากรรไกรฝ่อและคงโครงสร้างใบหน้าให้ดูเป็นธรรมชาติ เพิ่มความมั่นใจในการใช้ชีวิตและรอยยิ้มในทุกวัน
ซึ่งการที่จะรักษารากฟันเทียมได้เป็นธรรมชาติมากที่สุด คือการเลือกคลินิกที่มีความเชี่ยวชาญ มีแผนการรักษาถูกสุขอนามัยตรงตามมาตรฐาน ที่ Anytooth ก็เป็นอีกคลินิกที่มีความพร้อมในด้านของเทคโนโลยี อุปกรณ์การรักษา และทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
5 เหตุผลที่ต้องเลือกรักษารากฟันเทียมที่ Anytooth?
การทำรากฟันเทียมเป็นการตัดสินใจครั้งยิ่งใหญ่ที่สำคัญ เพราะนอกจากจะต้องพิจารณาถึงคุณภาพของรากฟันเทียมแล้ว ยังต้องมั่นใจว่าคลินิกที่เลือกให้การรักษามีมาตรฐานสูงและสามารถดูแลคุณได้ตลอดกระบวนการ
Anytooth เราเข้าใจถึงความกังวลของคุณ และมุ่งมั่นที่จะมอบการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ปลอดภัย เพื่อมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับคุณ ด้วยทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เทคโนโลยีทันสมัย และการดูแลที่ครบวงจร นี่คือ 5 เหตุผลที่ทำให้ Anytooth เป็นอีกหนึ่งคลินิกที่เหมาะกับการทำรากฟันเทียมมากที่สุด
1. เทคโนโลยีสแกนฟัน 3D ที่แม่นยำ วางแผนการรักษาได้อย่างสมบูรณ์แบบ
การฝังรากฟันเทียมเป็นกระบวนการที่ต้องการความละเอียดและความแม่นยำสูงเพราะหากตำแหน่งของรากฟันเทียมไม่ถูกต้อง อาจส่งผลต่อการสบฟันและโครงสร้างของขากรรไกร คลินิกของเราใช้เทคโนโลยีสแกนฟันแบบ 3 มิติ (3D Digital Scan) เพื่อให้กระบวนการวางแผนรักษามีความแม่นยำสูงสุด ช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่ารากฟันเทียมที่คุณได้รับจะพอดีกับสรีระช่องปากของคุณอย่างสมบูรณ์แบบ
- สามารถมองเห็นโครงสร้างกระดูกฟันอย่างละเอียด ลดโอกาสเกิดความผิดพลาดในการวางรากฟันเทียม
- จำลองผลลัพธ์ล่วงหน้า ให้คุณได้เห็นว่าหลังทำรากฟันเทียมแล้ว ฟันของคุณจะเป็นอย่างไร
- วางแผนตำแหน่งฝังรากฟันอย่างแม่นยำ เพื่อให้การบดเคี้ยวเป็นธรรมชาติและสมดุลที่สุด
2. วัสดุคุณภาพสูง มาตรฐานระดับสากล
รากฟันเทียมต้องแข็งแรงปลอดภัยและอยู่ได้นาน การทำรากฟันเทียมเป็นการรักษาฟันเพื่อให้อยู่กับคุณไปนาน ๆ ดังนั้น การเลือกวัสดุที่มีคุณภาพจึงเป็นสิ่งที่ Anytooth ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้น ๆ เราเลือกใช้รากฟันเทียมที่ ผลิตจากไทเทเนียมเกรดทางการแพทย์ซึ่งมีคุณสมบัติเด่น ได้แก่
- ไทเทเนียมสามารถเข้ากับร่างกายได้ดี (Biocompatible) ลดโอกาสการเกิดปฏิกิริยาต่อต้านจากร่างกาย
- แข็งแรง ทนทาน รองรับแรงบดเคี้ยวได้ดีเยี่ยม ใช้งานได้เหมือนฟันธรรมชาติ
- ลดโอกาสการอักเสบหรือการติดเชื้อ ทำให้คุณสามารถใช้ชีวิตได้อย่างมั่นใจ
3. ทีมทันตแพทย์เฉพาะทาง ประสบการณ์สูง ดูแลทุกขั้นตอน
รากฟันเทียมเป็นการรักษาที่ต้องอาศัยประสบการณ์และความชำนาญของทันตแพทย์โดยเฉพาะ ที่ Anytooth คุณจะได้รับการดูแลจากทีมทันตแพทย์เฉพาะทางด้านรากฟันเทียม ที่มีประสบการณ์สูงและผ่านการฝึกอบรมจากสถาบันชั้นนำ
- วางแผนและติดตามผลอย่างใกล้ชิด ตั้งแต่ก่อนทำไปจนถึงหลังฝังรากฟันเทียม
- ให้คำปรึกษาแบบละเอียด เพื่อให้คุณเข้าใจกระบวนการรักษาและสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
- ดูแลทุกเคสเป็นรายบุคคล เพื่อให้มั่นใจว่าผลลัพธ์ออกมาตรงตามที่คาดหวัง
4. เจ็บน้อย ฟื้นตัวไว ด้วยเทคนิคพิเศษของ Anytooth
Anytooth เรามีเทคนิคพิเศษลดความเจ็บปวด ที่หลายคนกังวลว่าการฝังรากฟันเทียมจะเจ็บและต้องพักฟื้นนาน Anytooth เราใช้เทคนิค Minimally Invasive Implant ช่วยให้การฝังรากฟันเทียมเจ็บน้อยและฟื้นตัวเร็ว
- เทคนิคเฉพาะช่วยให้เจ็บน้อยกว่าปกติ
- กระบวนการรักษาเป็นไปอย่างนุ่มนวล ลดการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อ
- ฟื้นตัวเร็ว สามารถกลับไปใช้ชีวิตปกติได้ในเวลาอันสั้น
5. บริการครบวงจร สะดวก ปรึกษาออนไลน์ได้
ไม่ต้องเสียเวลามาที่คลินิกบ่อย ๆ ก็สามารถปรึกษาวางแผนการรักษาเบื้องต้นได้ ที่ Anytooth เรามีบริการที่ออกแบบมาเพื่อความสะดวกของคุณ ไม่ว่าคุณจะต้องการข้อมูลเพิ่มเติมหรืออยากติดตามผลหลังรักษาก็สามารถทำได้ง่าย ๆ เพราะเรามีบริการเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับคุณโดยเฉพาะ
- มีบริการให้คำปรึกษาฟรี ก่อนตัดสินใจ
- นัดหมายสะดวกทางออนไลน์ ไม่ต้องรอคิวนาน
- ติดตามผลผ่านระบบออนไลน์ ลดความยุ่งยากในการเดินทาง
การทำรากฟันเทียมไม่ใช่แค่การทดแทนฟันที่หายไป แต่เป็นการดูแล รักษาสุขภาพช่องปาก และคุณภาพชีวิตในระยะยาว เพราะการเลือกคลินิกที่ให้บริการด้วยมาตรฐานสูง ย่อมส่งผลต่อความแข็งแรง อายุการใช้งาน และความปลอดภัยของรากฟันเทียม
หากคุณกำลังมองหาคลินิกที่ให้บริการรากฟันเทียมที่มีคุณภาพสูง ปลอดภัย และให้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า Anytooth ช่วยคุณได้ ไม่ว่าจะต้องการรักษารากฟันเทียมที่เกิดจากฟันผุ ฟันโยกจากโรคเหงือกอักเสบ อุบัติเหตุ หรือสาเหตุอื่น ๆ การเลือกคลินิกที่มีมาตรฐานสูงจะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าการรักษาของคุณจะได้รับการดูแลที่ดีที่สุด
Anytooth คลินิกให้บริการทำฟันครบวงจร ตั้งแต่การวางแผนไปจนถึงการดูแลหลังการรักษา เพื่อให้แน่ใจว่า คุณจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด อย่าปล่อยให้การสูญเสียฟันส่งผลต่อสุขภาพและความมั่นใจของคุณ เพราะฟันที่แข็งแรงและรอยยิ้มที่สวยงามเป็นสิ่งที่คุณคู่ควร
จองคิวปรึกษาฟรีกับทันตแพทย์เฉพาะทางของ Anytooth ได้ที่นี่
ช่องทางการติดต่อ
Tel. 087-112-8888
Line ID: @anytooth