ทำไมเราถึงควรจัดฟัน?
การมีฟันเก ฟันซ้อน หรือฟันห่าง อาจสร้างปัญหามากกว่าที่คิด เพราะไม่เพียงแต่จะส่งผลกระทบต่อบุคลิกภาพและความมั่นใจในการยิ้มหรือพูดคุยเท่านั้น แต่ยังนำไปสู่ปัญหาอื่นๆ ตามมาอีกด้วย เช่น ประสิทธิภาพการบดเคี้ยวที่ลดลงซึ่งอาจกระทบต่อระบบย่อยอาหารได้ นอกจากนี้ ฟันที่เรียงตัวไม่เป็นระเบียบยังเป็นอุปสรรคในการทำความสะอาด ทำให้กลายเป็นแหล่งสะสมของเศษอาหารและคราบจุลินทรีย์ได้ง่าย เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดฟันผุและโรคเหงือก ในบางกรณี ปัญหาการสบฟันยังอาจส่งผลต่อการออกเสียงพูดให้ไม่ชัดเจนได้อีกด้วย
สาเหตุก็มีหลากหลาย ตั้งแต่พฤติกรรมในวัยเด็กอย่างการดูดนิ้ว ไปจนถึงกรรมพันธุ์ที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว
จัดฟันมีกี่แบบให้เลือก?
การจัดฟันแบ่งกว้างๆ ได้ 2 กลุ่ม คือ แบบติดเครื่องมือถาวร กับ แบบถอดได้ ซึ่งแต่ละกลุ่มก็มีตัวเลือกย่อยๆ ที่นิยมกันดังนี้
- จัดฟันแบบโลหะ (Metal Braces): เป็นแบบคลาสสิกที่เห็นกันบ่อยที่สุด จุดเด่นคือราคาเข้าถึงง่ายและมีประสิทธิภาพสูง เหมาะกับทุกสภาพฟัน เราสามารถสนุกกับการเลือกสียางที่ใช้รัดลวดได้ทุกเดือนที่มีนัดปรับเครื่องมือ
- จัดฟันแบบเซรามิก (Ceramic Braces): หลักการทำงานเหมือนแบบโลหะทุกอย่าง แต่ตัวแบร็คเก็ตที่ติดบนฟันจะทำจากเซรามิกสีใสๆ คล้ายสีฟัน ทำให้ดูกลมกลืน ไม่โดดเด่นเท่าแบบโลหะ เหมาะสำหรับคนที่ต้องการให้ดูดีอยู่เสมอระหว่างจัดฟัน
- จัดฟันแบบดามอน (Damon Braces): เป็นเทคโนโลยียอดนิยมที่ใช้แบร็คเก็ตแบบพิเศษซึ่งมีตัวล็อกในตัวสำหรับยึดลวดจัดฟัน โดยไม่ต้องใช้ยางสีๆ มารัด ทำให้แรงเสียดทานน้อยลง คนไข้จึงรู้สึกเจ็บน้อยกว่า ฟันเคลื่อนที่ได้เร็วขึ้น และหลายเคสก็ไม่ต้องถอนฟันด้วย
- จัดฟันแบบใส (Invisalign/Clear Aligners): นี่คือนวัตกรรมที่มาแรงที่สุดในยุคนี้ เป็นเครื่องมือพลาสติกใสที่ออกแบบมาเฉพาะบุคคล สามารถถอดเข้า-ออกได้เอง ข้อดีสุดๆ คือแทบจะไม่มีใครรู้ว่าเรากำลังจัดฟันอยู่ ทำให้ใช้ชีวิตได้สะดวกเต็มที่ ไม่ต้องกังวลเรื่องการกินหรือการแปรงฟัน แต่ต้องมีวินัยในการใส่ให้ครบ 20-22 ชั่วโมงต่อวันนะ
- จัดฟันด้านใน (Lingual Braces): เป็นการจัดฟันแบบซ่อนเครื่องมือไว้ที่ด้านหลังของฟัน ทำให้มองจากข้างนอกไม่เห็นเลย เหมาะกับคนที่ต้องการจัดฟันแบบส่วนตัวจริงๆ
ค่าใช้จ่ายในการจัดฟัน
เรื่องค่าใช้จ่ายเป็นสิ่งที่หลายคนอยากรู้ ซึ่งจะแตกต่างกันไปตามประเภทเครื่องมือและความยากง่ายของแต่ละคน โดยมีภาพรวมราคาประมาณนี้
- ค่าเตรียมตัวก่อนจัดฟัน:
- ค่าพิมพ์ปากและเอ็กซเรย์: ประมาณ 2,600 - 4,100 บาท
- ค่าเครื่องมือจัดฟัน (โดยประมาณ):
- จัดฟันโลหะ: เริ่มต้นที่ 39,000 - 75,000 บาท
- จัดฟันเซรามิก: เริ่มต้นที่ 59,000 - 95,000 บาท
- จัดฟันดามอน: เริ่มต้นที่ 76,000 - 99,000 บาท
- จัดฟันใส (Invisalign): เริ่มต้นที่ 49,000 บาท ไปจนถึง 200,000+ บาท ขึ้นอยู่กับความซับซ้อน
นอกจากนี้ยังมี ค่าเคลียร์ช่องปาก เช่น อุดฟัน ขูดหินปูน ถอนฟัน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายแยกต่างหาก โดยส่วนใหญ่คลินิกจะมีโปรแกรมแบ่งชำระเป็นรายเดือนเพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย

ขั้นตอนการจัดฟันแบบเข้าใจง่าย
- ปรึกษาคุณหมอ: เริ่มต้นด้วยการเข้าไปพูดคุยกับทันตแพทย์เฉพาะทางจัดฟัน เพื่อตรวจฟัน เอ็กซเรย์ และสแกนฟัน เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะกับเราที่สุด
- เตรียมช่องปากให้พร้อม: ก่อนจะติดเครื่องมือ คุณหมอจะจัดการกับปัญหาอื่นๆ ในช่องปากให้เรียบร้อยก่อน เช่น อุดฟันที่ผุ ขูดหินปูน หรือถอนฟันบางซี่เพื่อหาพื้นที่ให้ฟันเคลื่อนที่
- เริ่มติดเครื่องมือ: เมื่อช่องปากพร้อม ก็ถึงเวลาติดเครื่องมือจัดฟัน และเริ่มต้นการเดินทางสู่รอยยิ้มใหม่ โดยจะต้องมาพบคุณหมอตามนัดเพื่อปรับเครื่องมืออย่างสม่ำเสมอ
- ใส่รีเทนเนอร์: หลังจากจัดฟันเสร็จและถอดเครื่องมือแล้ว ขั้นตอนที่สำคัญที่สุดคือการใส่ รีเทนเนอร์ เปรียบเสมือน "ยามเฝ้าฟัน" ที่จะคอยคงสภาพฟันสวยๆ ของเราไว้ ไม่ให้มันเคลื่อนกลับไปที่เดิม ต้องใส่ตามที่คุณหมอแนะนำอย่างเคร่งครัดนะ
-
ใช้เวลานานแค่ไหนในการจัดฟัน?
คำถามยอดฮิตที่ว่า "จัดฟันนานไหม?" คำตอบคือ โดยเฉลี่ยจะใช้เวลาประมาณ 1.5 - 3 ปี แต่จะเร็วหรือช้าแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยของแต่ละคนโดยเฉพาะเลย ปัจจัยเหล่านี้ได้แก่ สภาพฟันดั้งเดิมว่ามีความซับซ้อนสูงเพียงใด, อายุของคนไข้ ซึ่งในวัยเด็กฟันจะเคลื่อนที่ได้เร็วกว่า, และแผนการรักษาว่าจำเป็นต้องมีการถอนฟันหรือผ่าตัดขากรรไกรร่วมด้วยหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือ ความร่วมมือของเราเอง ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่การมาพบคุณหมอตามนัดอย่างสม่ำเสมอ เพราะการขาดนัดจะทำให้แผนล่าช้า ไปจนถึงการใส่ยางดึงฟันตามคำสั่งซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต่อการปรับการสบฟัน และรวมถึงการดูแลเครื่องมือไม่ให้เสียหายเพื่อหลีกเลี่ยงการหยุดชะงักของการรักษาด้วย
การดูแลตัวเองระหว่างจัดฟัน
การมีเครื่องมือจัดฟันอยู่ในปากเหมือนการมีภารกิจพิเศษเพิ่มขึ้นมา นั่นคือการดูแลความสะอาดที่ต้องใส่ใจมากกว่าเดิมหลายเท่า เพื่อป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากอื่นๆ ที่จะตามมา
เรื่องความสะอาดถือเป็นหัวใจสำคัญ การแปรงฟันต้องทำหลังอาหารทุกมื้อโดยใช้แปรงสีฟันสำหรับคนจัดฟัน และต้องใช้ผู้ช่วยอย่าง แปรงซอกฟัน เพื่อทำความสะอาดในบริเวณที่แปรงเข้าไม่ถึง เช่น ข้างแบร็คเก็ตและใต้เส้นลวด รวมถึงต้องฝึกใช้ ไหมขัดฟันสำหรับคนจัดฟัน (Superfloss) เพื่อทำความสะอาดซอกฟันใต้ลวดให้ได้
ในด้านการใช้ชีวิตประจำวัน การเลือกรับประทานอาหารก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องปรับตัว ควรหลีกเลี่ยงของที่แข็งมากๆ เช่น น้ำแข็ง ถั่ว หรือของที่เหนียวติดฟันอย่างคาราเมลและหมากฝรั่ง รวมถึงอาหารที่ต้องใช้ฟันหน้ากัดแทะโดยตรง แนะนำให้ตัดเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนรับประทานเพื่อป้องกันเครื่องมือเสียหาย สำหรับอาการตึงหรือปวดฟันหลังการปรับเครื่องมือซึ่งเป็นเรื่องปกติ ก็สามารถรับมือได้ด้วยการทานอาหารอ่อนๆ และบ้วนปากด้วยน้ำเกลืออุ่นๆ
ข้อดีและข้อเสียของการจัดฟัน
ข้อดี:
- สุขภาพปากดีขึ้น: เพราะทำความสะอาดง่าย ลดความเสี่ยงฟันผุและโรคเหงือก
- เคี้ยวอาหารได้ดีขึ้น: ส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม
- เสริมความมั่นใจ: กล้ายิ้มและพูดคุยมากขึ้น ช่วยให้บุคลิกภาพดีขึ้น
- ปรับรูปหน้า: ในบางคน การจัดฟันอาจช่วยให้ใบหน้าดูสมส่วนและสวยงามขึ้นด้วย
ข้อเสีย:
- มีค่าใช้จ่าย: เป็นการลงทุนเพื่อสุขภาพและบุคลิกภาพในระยะยาว
- อาจรู้สึกเจ็บบ้าง: เป็นเรื่องปกติในช่วงแรกๆ หรือหลังปรับเครื่องมือ แต่จะเป็นอยู่ไม่นาน
- ต้องเลือกกิน: ควรเลี่ยงของแข็งๆ เหนียวๆ เพื่อไม่ให้เครื่องมือเสียหาย
- ต้องใส่ใจความสะอาดเป็นพิเศษ: เพราะเศษอาหารติดง่าย ต้องขยันแปรงฟันมากขึ้น
- ต้องใส่รีเทนเนอร์: หากละเลย ฟันที่จัดมาสวยๆ อาจล้มและกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้
เริ่มต้นเส้นทางสู่รอยยิ้มใหม่ของคุณ
หากคุณอ่านมาถึงตรงนี้และสนใจที่จะจัดฟัน สามารถติดต่อเพื่อขอรับคำปรึกษาได้เลยที่ AnyTooth Dental Clinic เรามีทีมทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่พร้อมจะคอยแนะนำและให้ความรู้เพิ่มเติม สามารถนัดหมายเพื่อเข้ามาพูดคุยและตรวจประเมินที่คลินิกของเราได้เลย
ช่องทางการติดต่อเพิ่มเติม
Tel. 087-112-8888
Line ID: @anytooth