การต้องเสียฟันไปสักซี่ ไม่ว่าจะจากฟันผุ โรคเหงือก หรืออุบัติเหตุ ก็ทำให้หลายคนกังวลใจได้ไม่น้อย เพราะไม่ใช่แค่ทำให้ไม่กล้ายิ้มหรือพูดคุย แต่ยังทำให้การเคี้ยวอาหารลำบากขึ้นอีกด้วย ในอดีต "ฟันปลอม" อาจเป็นทางเลือกแรกๆ แต่ก็ต้องยอมรับว่าความรู้สึกยังห่างไกลจากฟันจริง โชคดีที่วันนี้เรามีเทคโนโลยี "รากฟันเทียม" ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดที่จะมอบฟันซี่ใหม่ที่แข็งแรงและให้ความรู้สึกใกล้เคียงฟันธรรมชาติกลับคืนมาให้คุณ
ทำความรู้จักกับรากฟันเทียม
รากฟันเทียมคือวัสดุไทเทเนียมที่มีรูปร่างคล้ายสกรูตัวเล็กๆ คุณหมอจะทำการผ่าตัดฝังเจ้าสกรูตัวนี้ลงไปในกระดูกขากรรไกรตรงตำแหน่งที่ฟันหายไป เพื่อให้มันทำหน้าที่แทนรากฟันจริงๆ ข้อดีของไทเทเนียมคือเป็นวัสดุที่เข้ากับร่างกายมนุษย์ได้ดีมาก เมื่อเวลาผ่านไป กระดูกของเราจะค่อยๆ ยึดเข้ากับรากฟันเทียมจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ทำให้มันแข็งแรงและมั่นคงพอที่จะเป็นฐานให้กับฟันซี่ใหม่ที่อยู่ข้างบน
ส่วนประกอบหลักๆ ของรากฟันเทียม 1 ชุด จะมี 3 ชิ้นส่วนทำงานร่วมกัน คือ:
- ตัวรากเทียม (Fixture): คือส่วนที่เหมือนสกรู ฝังอยู่ในกระดูกขากรรไกร ทำหน้าที่เป็นเสาหลัก
- เดือยรองรับครอบฟัน (Abutment): เป็นชิ้นส่วนที่เชื่อมต่อระหว่างตัวรากเทียมกับครอบฟัน
- ครอบฟัน (Crown): คือตัวฟันที่เรามองเห็น ทำจากเซรามิก มีสีและรูปร่างสวยงามเหมือนฟันธรรมชาติ ใช้บดเคี้ยวอาหารได้ตามปกติ
ข้อดีและข้อเสียของรากฟันเทียม
การตัดสินใจทำรากฟันเทียมถือเป็นการลงทุนครั้งสำคัญ ไม่ใช่แค่เรื่องค่าใช้จ่ายแต่รวมถึงเวลาที่ใช้ในการรักษาด้วย ดังนั้น ก่อนที่จะตัดสินใจ เรามาลองชั่งน้ำหนักข้อดีกับข้อเสียให้รอบด้าน เพื่อจะได้รู้ว่ารากฟันเทียมเป็นทางเลือกที่เหมาะกับเราจริงๆ หรือไม่
ข้อดี
- ใช้งานเหมือนฟันจริง: สามารถเคี้ยวอาหารได้เต็มที่ เป็นธรรมชาติ ไม่ต้องคอยกังวลเหมือนฟันปลอมแบบถอดได้
- คืนความมั่นใจ: ช่วยให้ยิ้มและพูดคุยได้อย่างเต็มที่ เพราะฟันจะยึดติดแน่น ไม่ต้องกลัวหลุดหรือขยับ
- ทนทานและอยู่ได้นาน: หากดูแลรักษาความสะอาดอย่างดี รากฟันเทียมสามารถอยู่กับเราไปได้นาน 10-20 ปี หรืออาจจะตลอดชีวิต
- ไม่รบกวนฟันข้างเคียง: ไม่จำเป็นต้องกรอฟันดีๆ ที่อยู่ข้างๆ เพื่อใช้เป็นที่ยึดเหมือนกับการทำสะพานฟัน
- ช่วยรักษากระดูกขากรรไกร: การมีรากฟันเทียมจะช่วยกระตุ้นกระดูกบริเวณนั้นไม่ให้ฝ่อหรือละลายตัวไป ซึ่งช่วยรักษารูปหน้าของเราไว้
ข้อเสีย
- ราคาสูง: เป็นการลงทุนที่ต้องใช้งบประมาณสูงกว่าการทำฟันปลอมแบบอื่น แต่ก็แลกมากับความทนทานและคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว
- ใช้เวลาในการรักษา: เป็นการรักษาที่ต้องใช้เวลาและความอดทน โดยเฉลี่ยอาจใช้เวลาตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับสภาพกระดูกของแต่ละคน
- มีข้อจำกัดด้านสุขภาพ: ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทำได้ทันที โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวบางอย่างที่ยังควบคุมอาการได้ไม่ดี หรือผู้ที่สูบบุหรี่จัด

หลายคนกังวลว่า... ทำรากฟันเทียมเจ็บไหม?
สบายใจได้เลย เพราะระหว่างการผ่าตัดฝังรากฟันเทียม คุณหมอจะใช้ยาชาเฉพาะที่ ทำให้คุณไม่รู้สึกเจ็บปวดเลย หลังจากยาชาหมดฤทธิ์ อาจมีอาการปวดหรือบวมบ้างเล็กน้อย ซึ่งเป็นอาการปกติหลังการผ่าตัด คุณหมอจะให้ยาแก้ปวดเพื่อช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้อยู่แล้ว หากอาการไม่ดีขึ้นก็สามารถกลับไปปรึกษาคุณหมอได้ทันที
ค่าใช้จ่ายในการทำรากฟันเทียม
เรื่องค่าใช้จ่ายจะแตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับหลายอย่างเลย ตั้งแต่ยี่ห้อและวัสดุของรากเทียมที่เลือก, จำนวนซี่ที่ทำ, ตำแหน่งของฟัน ไปจนถึงสภาพกระดูกของเราว่ามีเพียงพอหรือไม่ หากกระดูกไม่พอและต้องมีการปลูกกระดูกเพิ่ม ก็จะมีค่าใช้จ่ายส่วนนั้นเพิ่มเข้ามา การเข้ามาปรึกษาและให้คุณหมอประเมินอย่างละเอียด จะทำให้ทราบค่าใช้จ่ายที่แน่นอนที่สุด
มีกี่แบบให้เลือก? รู้จักรากฟันเทียมแต่ละประเภท
รูปแบบการทำรากฟันเทียมจะแบ่งตามช่วงเวลาในการรักษาได้หลักๆ 3 แบบ
- แบบมาตรฐาน (รอแผลหายก่อน): เป็นวิธีคลาสสิก คือถอนฟันที่ไม่ต้องการออกก่อน แล้วรอให้แผลและกระดูกหายดีประมาณ 3-6 เดือน จากนั้นค่อยกลับมาฝังรากเทียม แล้วรออีก 3-6 เดือนให้รากเทียมยึดกับกระดูกดีแล้วจึงใส่ครอบฟัน
- แบบทำทันทีหลังถอนฟัน: เหมาะกับเคสที่สภาพกระดูกดี โดยคุณหมอจะถอนฟันและฝังรากฟันเทียมให้เลยในวันเดียวกัน ช่วยลดขั้นตอนและจำนวนครั้งที่ต้องผ่าตัด แต่ยังต้องรอ 3-6 เดือนก่อนใส่ครอบฟันถาวร
- แบบใช้งานได้ทันที: เป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุด คือถอนฟัน ฝังรากเทียม และใส่ครอบฟัน (ส่วนใหญ่เป็นแบบชั่วคราว) ให้เสร็จในครั้งเดียว เหมาะกับคนที่มีสภาพกระดูกดีมากๆ และมีแรงบดเคี้ยวที่เหมาะสม
การเตรียมตัวก่อนทำ และวิธีดูแลหลังทำรากฟันเทียม
ก่อนเริ่มการรักษา คุณหมอจะตรวจช่องปากและเอกซเรย์อย่างละเอียดเพื่อประเมินสภาพกระดูก หากคุณมีโรคประจำตัวหรือทานยาอะไรอยู่ ต้องแจ้งให้คุณหมอทราบทั้งหมดเพื่อความปลอดภัย หลังทำรากฟันเทียมเสร็จแล้ว การดูแลก็ไม่ต่างจากการดูแลฟันธรรมชาติเลย คือต้องแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการเคี้ยวของแข็งมากๆ และที่สำคัญที่สุดคือการไปพบคุณหมอเพื่อตรวจเช็คสภาพตามนัดอย่างสม่ำเสมอ
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทำรากฟันเทียมเพื่อคืนรอยยิ้มและการบดเคี้ยวที่เป็นธรรมชาติ สามารถดูรายละเอียดได้ที่นี่: Dental Implants - ทดแทนฟันที่หายไปด้วยรากฟันเทียม เพื่อความสวยงามและการใช้งานที่เหมือนฟันธรรมชาติซี่ใหม่
หากคุณกำลังสนใจรากฟันเทียม และอยากรู้ว่าเหมาะสมกับคุณไหม หรือมีข้อสงสัยใดๆ แนะนำให้เข้ามาที่คลินิกเพื่อปรึกษากับทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ที่พร้อมดูแลและวางแผนการรักษาที่ดีที่สุดให้คุณ
ช่องทางการติดต่อเพิ่มเติม
Tel. 087-112-8888
Line ID: @anytooth