Home
/
สาระน่ารู้เกี่ยวกับสุขภาพฟัน
/
ฟันบิ่น ฟันแตก ควรรีบพบหมอหรือไม่?
October 22, 2025

ฟันบิ่น ฟันแตก ควรรีบพบหมอหรือไม่?

ปัญหา ฟันบิ่น หรือฟันแตกเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นจากอุบัติเหตุเล็กน้อย การบดเคี้ยวอาหารที่แข็งเกินไป หรือแม้แต่จากสาเหตุที่ไม่คาดฝัน หลายคนอาจมองข้ามรอยบิ่นเล็กๆ น้อยๆ คิดว่าไม่เป็นอะไร แต่ในความเป็นจริงแล้ว ปัญหาฟันที่ดูเหมือนเล็กน้อยเหล่านี้ อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงกว่าที่คิด และส่งผลกระทบต่อสุขภาพช่องปากโดยรวมของคุณได้ในระยะยาว

การเข้าใจถึงสาเหตุ อาการที่บ่งบอกถึงปัญหา รวมถึงวิธีการรักษาที่เหมาะสมและแนวทางการป้องกัน จึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้คุณสามารถดูแลสุขภาพฟันของตัวเองได้อย่างถูกวิธีและทันท่วงที บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจทุกแง่มุมของปัญหาฟันบิ่นและฟันแตก เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจว่าเมื่อไหร่ที่ควรรีบพบทันตแพทย์

ฟันบิ่นคืออะไร

เมื่อพูดถึงฟันบิ่น หลายคนอาจจะนึกถึงชิ้นส่วนฟันที่หลุดออกไปเล็กน้อย ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ฟันบิ่นหมายถึงการที่เนื้อฟันเกิดการสึกหรอ หรือมีชิ้นส่วนของเคลือบฟันหรือเนื้อฟันด้านในหลุดออกไปบางส่วน ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กจนแทบมองไม่เห็น หรือใหญ่จนสัมผัสได้ด้วยลิ้น และอาจทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายในช่องปาก

อาการฟันบิ่นอาจเกิดขึ้นได้กับฟันซี่ใดซี่หนึ่ง หรือหลายซี่พร้อมกัน ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่ทำให้เกิดความเสียหายนั้นๆ การสังเกตและทำความเข้าใจลักษณะของฟันบิ่น รวมถึงความแตกต่างจากฟันแตก จะช่วยให้คุณประเมินสถานการณ์เบื้องต้นได้ดีขึ้นก่อนเข้าพบทันตแพทย์

ลักษณะของฟันบิ่น

ฟันบิ่น มักจะปรากฏให้เห็นเป็นรอยแยกเล็กๆ รอยแตก หรือการสูญเสียเนื้อฟันบริเวณขอบฟันหรือผิวฟันด้านนอก ในบางกรณี คุณอาจรู้สึกถึงความคมหรือขรุขระเมื่อใช้ลิ้นสัมผัสฟันที่บิ่นนั้นๆ หรืออาจมองเห็นได้ชัดเจนด้วยตาเปล่าหากการบิ่นมีขนาดใหญ่ อาการบิ่นอาจทำให้ฟันดูไม่สวยงาม และอาจส่งผลต่อการบดเคี้ยวอาหาร หรือทำให้รู้สึกเสียวฟันเมื่อรับประทานอาหารร้อน เย็น หรือของหวาน การบิ่นบางครั้งอาจเริ่มต้นเล็กน้อยแล้วค่อยๆ แย่ลงหากไม่ได้รับการดูแล

ความแตกต่างระหว่างฟันบิ่นและฟันแตก

แม้จะดูคล้ายกัน แต่ ฟันบิ่น และฟันแตกมีความแตกต่างกันในระดับความรุนแรง ฟันบิ่นมักหมายถึงการสูญเสียเนื้อฟันในปริมาณที่ค่อนข้างน้อย บริเวณเคลือบฟันหรือขอบฟัน ซึ่งอาจไม่ลึกถึงโพรงประสาทฟัน ในขณะที่ฟันแตกมักจะหมายถึงรอยแยกที่ลึกและกว้างกว่า อาจทะลุถึงชั้นเนื้อฟันด้านใน (Dentin) หรือแม้กระทั่งโพรงประสาทฟัน (Pulp) ซึ่งอาจนำไปสู่อาการปวดที่รุนแรงกว่า และมีโอกาสติดเชื้อได้ง่ายกว่ามาก การวินิจฉัยที่แม่นยำจึงต้องอาศัยการตรวจโดยทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

สาเหตุของฟันบิ่นและฟันแตก

ปัญหา ฟันบิ่น หรือฟันแตกสามารถเกิดขึ้นได้จากหลากหลายปัจจัย ทั้งจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันและอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดฝัน การเข้าใจถึงสาเหตุเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถป้องกันและหลีกเลี่ยงสถานการณ์ที่อาจทำให้ฟันได้รับความเสียหายได้ดียิ่งขึ้น

บ่อยครั้งที่ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้เกิดจากสาเหตุเดียว แต่เป็นผลรวมจากปัจจัยหลายอย่างที่ส่งผลให้ฟันอ่อนแอลงและง่ายต่อการเสียหาย การดูแลรักษาสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอจึงเป็นหัวใจสำคัญในการลดความเสี่ยงเหล่านี้

แรงกดและการกระแทก

สาเหตุหลักอย่างหนึ่งที่ทำให้ ฟันบิ่น หรือฟันแตกคือแรงกดหรือการกระแทกโดยตรง ตัวอย่างเช่น การหกล้ม การถูกกระแทกเข้าที่ใบหน้าขณะเล่นกีฬา หรือแม้แต่อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การกัดถูกของแข็งที่ไม่คาดคิด แรงที่มากเกินไปเหล่านี้สามารถทำให้ฟันเกิดรอยร้าว แตก หรือบิ่นได้ทันที นอกจากนี้ พฤติกรรมการนอนกัดฟัน หรือการกัดฟันแน่นโดยไม่รู้ตัว ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่สร้างแรงกดสะสมให้กับฟัน ทำให้ฟันอ่อนแอลงและเสี่ยงต่อการบิ่นแตกง่ายขึ้น

การบดเคี้ยวอาหารที่แข็ง

การรับประทานอาหารบางประเภทที่มีความแข็งเป็นพิเศษ เช่น น้ำแข็ง ถั่วแข็งๆ กระดูก หรือแม้แต่ขนมปังกรอบที่มีความแข็งมากเกินไป ก็สามารถทำให้ฟันเกิดอาการ ฟันบิ่น หรือแตกได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากฟันซี่นั้นมีรอยผุ อุดฟันเก่า หรือมีโครงสร้างที่อ่อนแออยู่แล้ว แรงจากการบดเคี้ยวอาหารที่แข็งเหล่านี้จะไปเพิ่มภาระให้กับฟัน และอาจทำให้เกิดการเสียหายได้ในทันทีทันใด ดังนั้น การเลือกรับประทานอาหารที่เหมาะสมและระมัดระวังในการบดเคี้ยวจึงเป็นสิ่งสำคัญ

อาการที่ควรเฝ้าระวัง

เมื่อฟันเกิดอาการ ฟันบิ่น หรือฟันแตก ไม่ว่าจะเป็นรอยเล็กน้อยหรือรอยใหญ่ สิ่งสำคัญคือการสังเกตอาการที่เกิดขึ้น เพื่อประเมินความรุนแรงและตัดสินใจว่าควรรีบพบทันตแพทย์เมื่อใด บางอาการอาจบ่งบอกถึงปัญหาที่ไม่รุนแรง แต่บางอาการก็อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงภาวะแทรกซ้อนที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน

การทำความเข้าใจสัญญาณเหล่านี้จะช่วยให้คุณตอบสนองต่อปัญหาได้อย่างทันท่วงที และป้องกันไม่ให้สถานการณ์แย่ลงจนยากต่อการแก้ไข การละเลยอาการเล็กน้อยอาจนำไปสู่ปัญหาใหญ่ที่กระทบต่อสุขภาพช่องปากโดยรวมได้

อาการเจ็บและไวต่อความเย็น

อาการทั่วไปที่มักจะมาพร้อมกับปัญหา ฟันบิ่น คืออาการเจ็บปวดและไวต่อความรู้สึก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มร้อน เย็น หรือมีรสหวานจัด ซึ่งเป็นสัญญาณว่าเคลือบฟันได้ถูกทำลายและชั้นเนื้อฟัน (Dentin) ที่มีท่อขนาดเล็กเชื่อมไปยังโพรงประสาทฟันได้สัมผัสกับสิ่งเร้าภายนอกโดยตรง ความเจ็บปวดอาจมีตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง และอาจเป็นๆ หายๆ หรือคงที่ก็ได้ ขึ้นอยู่กับความลึกและขนาดของการบิ่น หากมีอาการเจ็บปวดต่อเนื่องหรือรุนแรง ควรรีบไปพบทันตแพทย์

ภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

หากปล่อยให้ ฟันบิ่น หรือฟันแตกโดยไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนหลายอย่าง เช่น การติดเชื้อในโพรงประสาทฟัน ซึ่งจะทำให้เกิดอาการปวดอย่างรุนแรง บวม และอาจมีหนอง นอกจากนี้ ขอบฟันที่บิ่นคมอาจบาดลิ้น กระพุ้งแก้ม หรือเหงือก ทำให้เกิดแผลในช่องปากได้ ฟันที่บิ่นยังเสี่ยงต่อการผุได้ง่ายขึ้น เนื่องจากมีพื้นที่ให้แบคทีเรียเกาะติดและทำลายเนื้อฟันได้ง่าย การละเลยปัญหานี้จึงอาจทำให้ต้องเข้ารับการรักษาที่ซับซ้อนและมีค่าใช้จ่ายสูงขึ้นในอนาคต เช่น การรักษารากฟัน หรือการถอนฟัน

วิธีการรักษาฟันบิ่น

เมื่อ ฟันบิ่น หรือฟันแตก การรักษาที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูสุขภาพฟันให้กลับมาแข็งแรงและใช้งานได้ตามปกติอีกครั้ง โดยมีหลายวิธีที่ทันตแพทย์จะพิจารณาเลือกใช้ ขึ้นอยู่กับระดับความเสียหาย ตำแหน่งของฟัน และงบประมาณของผู้ป่วย

การเลือกวิธีการรักษาที่ถูกต้องไม่เพียงช่วยแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ยังช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจตามมาในอนาคตด้วย การปรึกษาทันตแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมกับสภาพฟันของคุณจึงเป็นขั้นตอนแรกที่ควรกระทำ

การอุดฟัน

การอุดฟันเป็นวิธีที่นิยมใช้ในการรักษา ฟันบิ่น ที่มีขนาดเล็กถึงปานกลาง ทันตแพทย์จะใช้วัสดุอุดฟันที่มีสีเหมือนฟัน (Composite Resin) หรือวัสดุชนิดอื่นเพื่อเติมเต็มส่วนที่บิ่นไปให้กลับมามีรูปร่างและฟังก์ชันการใช้งานที่เป็นปกติ กระบวนการนี้มักจะใช้เวลาไม่นาน ไม่ต้องมีการกรอเนื้อฟันออกไปมากนัก และให้ผลลัพธ์ที่สวยงามเป็นธรรมชาติ ข้อดีคือค่าใช้จ่ายไม่สูงมากและสามารถทำได้รวดเร็ว เหมาะสำหรับกรณีฟันบิ่นที่ไม่ลึกหรือกว้างจนเกินไป

การเคลือบฟันด้วยวัสดุแข็ง

สำหรับการรักษา ฟันบิ่น ที่มีขนาดใหญ่ขึ้น หรือต้องการความแข็งแรงและความสวยงามที่ยาวนานกว่า การเคลือบฟันด้วยวัสดุแข็ง เช่น วีเนียร์ (Veneer) หรือครอบฟัน (Crown) ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง วีเนียร์คือแผ่นวัสดุบางๆ ที่ทำจากพอร์ซเลนหรือเรซินคอมโพสิต ใช้ติดทับไปบนผิวฟันด้านหน้าเพื่อแก้ไขรูปร่าง สี และขนาดของฟัน ส่วนครอบฟันจะใช้เมื่อฟันมีการเสียหายค่อนข้างมาก โดยจะครอบฟันทั้งซี่เพื่อปกป้องโครงสร้างฟันที่เหลืออยู่และคืนความแข็งแรง ซึ่งทั้งสองวิธีนี้ให้ผลลัพธ์ที่ทนทานและสวยงาม แต่ก็มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าการอุดฟัน

ค่าใช้จ่ายในการรักษาฟันบิ่น

เมื่อตัดสินใจเข้ารับการรักษา ฟันบิ่น สิ่งหนึ่งที่ผู้ป่วยมักให้ความสนใจคือเรื่องของค่าใช้จ่าย ซึ่งราคาในการรักษาจะมีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ การทำความเข้าใจปัจจัยเหล่านี้จะช่วยให้คุณสามารถเตรียมตัวและวางแผนการรักษาได้อย่างเหมาะสม

การทราบข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายจะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพฟันและความพร้อมทางการเงินของคุณได้ดีขึ้น โดยไม่ละเลยการรักษาที่จำเป็นต่อสุขภาพช่องปาก

ปัจจัยที่มีผลต่อราคา

ค่าใช้จ่ายในการรักษา ฟันบิ่น มีความแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยหลักๆ ประการแรกคือ ความรุนแรงของการบิ่น หากฟันบิ่นเพียงเล็กน้อย การอุดฟันอาจมีค่าใช้จ่ายไม่สูงนัก แต่ถ้าการบิ่นมีความลึกถึงโพรงประสาทฟัน อาจต้องรักษารากฟันก่อน แล้วจึงทำครอบฟัน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่ามาก ประการที่สองคือ ประเภทของวัสดุที่ใช้ในการรักษา เช่น วัสดุอุดฟันคอมโพสิต วีเนียร์พอร์ซเลน หรือครอบฟันโลหะล้วน/พอร์ซเลนล้วน ซึ่งแต่ละชนิดมีราคาแตกต่างกันไป และประการสุดท้ายคือ สถานที่ตั้งของคลินิกทันตกรรมและชื่อเสียงของทันตแพทย์ ซึ่งอาจมีผลต่อค่าบริการด้วย

เปรียบเทียบการรักษาต่าง ๆ

ในการเปรียบเทียบค่าใช้จ่ายสำหรับการรักษา ฟันบิ่น หากฟันบิ่นเล็กน้อย การอุดฟันเป็นวิธีที่ประหยัดที่สุด โดยมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นไม่สูงมากนักและสามารถทำได้ในครั้งเดียว ส่วนวีเนียร์จะมีราคาสูงกว่าการอุดฟัน แต่ให้ผลลัพธ์ด้านความสวยงามที่เหนือกว่าและมีความทนทานในระดับหนึ่ง ในขณะที่ครอบฟันซึ่งเป็นวิธีที่ให้ความแข็งแรงและปกป้องฟันได้ดีที่สุดสำหรับฟันที่เสียหายมากที่สุด ก็จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงที่สุดเช่นกัน และอาจต้องใช้เวลาหลายครั้งในการทำ การเลือกวิธีที่เหมาะสมจึงควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อพิจารณาทั้งประสิทธิภาพ ค่าใช้จ่าย และความเหมาะสมกับสภาพฟันของคุณ

การป้องกันฟันบิ่นและฟันแตก

การป้องกันย่อมดีกว่าการรักษาเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปัญหา ฟันบิ่น และฟันแตกที่อาจส่งผลกระทบต่อทั้งความสวยงามและสุขภาพช่องปาก การดูแลฟันอย่างสม่ำเสมอและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมบางอย่างในชีวิตประจำวันจะช่วยลดความเสี่ยงเหล่านี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การสร้างนิสัยที่ดีในการดูแลสุขภาพช่องปากไม่ได้ซับซ้อนอย่างที่คิด และสามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ ตั้งแต่วันนี้ เพื่อให้ฟันของคุณยังคงแข็งแรงและใช้งานได้ดีไปอีกนาน

การดูแลฟันที่ถูกสุขลักษณะ

การดูแลฟันที่ถูกสุขลักษณะเป็นพื้นฐานสำคัญในการป้องกันปัญหา ฟันบิ่น และฟันแตก ควรแปรงฟันอย่างน้อยวันละสองครั้งด้วยยาสีฟันผสมฟลูออไรด์ และใช้ไหมขัดฟันทำความสะอาดซอกฟันทุกวัน เพื่อกำจัดเศษอาหารและคราบจุลินินทรีย์ที่อาจทำให้ฟันผุและอ่อนแอลง นอกจากนี้ การพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟันและขูดหินปูนเป็นประจำทุก 6 เดือน จะช่วยให้ทันตแพทย์สามารถตรวจพบปัญหาเล็กๆ น้อยๆ และแก้ไขได้ทันท่วงที ก่อนที่จะลุกลามกลายเป็นการบิ่นหรือแตกที่รุนแรงขึ้น

ฝึกนิสัยที่ดีในการกิน

การฝึกนิสัยการกินที่ดีก็เป็นส่วนสำคัญในการป้องกันปัญหา ฟันบิ่น หลีกเลี่ยงการบดเคี้ยวอาหารที่แข็งหรือเหนียวมากเกินไป เช่น น้ำแข็ง ถั่วแข็งๆ หรือลูกอมที่ต้องกัด นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ฟันเป็นเครื่องมือในการเปิดบรรจุภัณฑ์ หรือกัดสิ่งของที่ไม่ใช่อาหาร การลดการบริโภคน้ำอัดลมและอาหารที่มีน้ำตาลสูงก็ช่วยลดความเสี่ยงฟันผุ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ฟันอ่อนแอและแตกหักง่ายขึ้น การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพฟัน เช่น ผักผลไม้ และผลิตภัณฑ์จากนม จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับฟัน

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ฟันบิ่นเกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง?

ฟันบิ่นสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการได้รับแรงกระแทกจากอุบัติเหตุ การกัดหรือบดเคี้ยวอาหารที่แข็งมากเกินไปเป็นประจำ พฤติกรรมการนอนกัดฟัน หรือแม้แต่ฟันที่มีรอยผุหรือการอุดฟันเก่าที่ทำให้โครงสร้างฟันอ่อนแอและเสี่ยงต่อการบิ่นได้ง่ายขึ้น

ฟันบิ่น รักษาอย่างไร มีกี่วิธี?

การรักษาฟันบิ่นมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับขนาดและความรุนแรงของการบิ่น ทันตแพทย์อาจแนะนำการอุดฟันด้วยวัสดุคอมโพสิตสำหรับรอยบิ่นขนาดเล็ก การทำวีเนียร์เพื่อแก้ไขรูปร่างและความสวยงามของฟัน หรือในกรณีที่ฟันเสียหายมาก อาจจำเป็นต้องทำครอบฟันเพื่อปกป้องและเสริมความแข็งแรงให้กับฟัน

อุดฟันบิ่น ราคาประมาณเท่าไหร่?

ราคาสำหรับการอุดฟันบิ่นจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความยากง่ายและขนาดของรอยบิ่น ตำแหน่งของฟัน วัสดุที่ใช้ในการอุด และคลินิกทันตกรรมที่คุณเลือก โดยทั่วไปแล้ว ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นจะไม่สูงมากนัก แต่ควรปรึกษาทันตแพทย์เพื่อประเมินราคาที่แน่นอน

ฟันบิ่นเล็กน้อย ไม่เจ็บ ไม่รักษาได้ไหม อันตรายหรือไม่?

แม้ว่าฟันบิ่นเล็กน้อยที่ไม่มีอาการเจ็บปวดอาจดูเหมือนไม่อันตรายในทันที แต่ก็ไม่ควรมองข้าม เพราะรอยบิ่นอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการสะสมแบคทีเรีย ทำให้เกิดฟันผุ หรืออาจทำให้เกิดความเสียหายที่ลึกขึ้นได้ในอนาคต เช่น เกิดการแตกหักที่รุนแรงขึ้น หรือบาดเหงือกและเนื้อเยื่ออ่อนในช่องปาก ดังนั้น การพบทันตแพทย์เพื่อตรวจประเมินและรับคำแนะนำที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งที่ดีที่สุด

ฟันบิ่น สามารถใช้วัสดุอุดฟันเหมือนที่ใช้อุดฟันผุได้หรือไม่?

โดยทั่วไปแล้ว วัสดุที่ใช้อุดฟันบิ่นสามารถเป็นชนิดเดียวกับที่ใช้อุดฟันผุได้ ซึ่งนิยมใช้วัสดุคอมโพสิตเรซินที่มีสีเหมือนฟัน เพื่อให้ผลลัพธ์ที่สวยงามและเป็นธรรมชาติ อย่างไรก็ตาม การเลือกใช้วัสดุและวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด จะขึ้นอยู่กับคำแนะนำของทันตแพทย์หลังจากประเมินสภาพฟันของคุณอย่างละเอียด

ฟันบิ่น หรือฟันแตก ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยที่ควรมองข้าม การละเลยปัญหาเหล่านี้อาจนำไปสู่ความเจ็บปวด ภาวะติดเชื้อ และค่าใช้จ่ายในการรักษาที่สูงขึ้นในอนาคต การดูแลสุขภาพช่องปากอย่างถูกวิธี ตลอดจนการสังเกตอาการผิดปกติและรีบปรึกษาทันตแพทย์เมื่อเกิดปัญหา จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ฟันของคุณยังคงแข็งแรงและสวยงามไปอีกนาน หากคุณมีข้อสงสัยหรือประสบปัญหาฟันบิ่น ฟันแตก อย่าลังเลที่จะติดต่อทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ เพื่อสุขภาพฟันที่ดีอย่างยั่งยืน

แหล่งอ้างอิง

บทความนี้ตรวจสอบโดย

หมอบิว Anytooth2
ทพ.รัชชย ชยางศุ (หมอบิว)
Dr. Ratchaya Chayangsu
ทันตแพทยศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยขอนแก่น
วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาทันตกรรมบูรณะเพื่อความสวยงามและทันตกรรมรากเทียม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
Preceptorship Program in Advance Implantology, University of California Los Angeles (UCLA), School of Dentistry, USA
Certificate in Invisalign Accreditation
Esthetic & Implant Dentist

นัดหมายทัตแพทย์ Anytooth
ให้คำปรึกษาฟรี!

นัดหมายทำฟัน
หมอบิว Anytooth

ทพ.รัชชย ชยางศุ (หมอบิว)