คำถามที่ว่าควรแปรงฟันแบบ "แปรงแห้ง" หรือ "แปรงเปียก" นั้น เป็นเรื่องที่หลายคนสงสัย ก่อนจะหาคำตอบ เราต้องเข้าใจเป้าหมายหลักของการแปรงฟันให้ตรงกันก่อน ซึ่งมี 2 ข้อสำคัญคือ: 1) การกำจัดคราบจุลินทรีย์ (Plaque) ให้มีประสิทธิภาพ และ 2) การทำให้ฟลูออไรด์ในยาสีฟันสัมผัสกับผิวฟันได้นานที่สุด
- การแปรงเปียก (Wet Brushing): คือวิธีที่คนส่วนใหญ่คุ้นเคย โดยการนำแปรงไปจุ่มน้ำก่อนบีบยาสีฟัน และมักจะจบด้วยการบ้วนน้ำหลายๆ ครั้งจนรู้สึกสะอาดหมดจด
- การแปรงแห้ง (Dry Brushing): คือวิธีการแปรงฟันโดยไม่ใช้แปรงที่เปียกชุ่ม และที่สำคัญคือ หลังจากแปรงเสร็จ จะไม่บ้วนน้ำตาม หรือบ้วนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
เปรียบเทียบหลักการ ข้อดี และข้อควรพิจารณา
การแปรงแห้ง
วิธีนี้เน้นให้ยาสีฟันที่มีความเข้มข้นสูงได้สัมผัสกับผิวฟันโดยตรง ขนแปรงที่แห้งกว่าจะสร้างแรงเสียดทานพอเหมาะเพื่อขจัดคราบ และการไม่บ้วนน้ำออกมากจะทำให้ฟลูออไรด์คงค้างบนผิวฟันได้สูงสุด
- ข้อดี: เพิ่มประสิทธิภาพของฟลูออไรด์ในการป้องกันฟันผุได้ดีกว่า และเนื่องจากมีฟองน้อย จึงทำให้เรารับรู้ได้ว่าขนแปรงสัมผัสกับผิวฟันส่วนไหนบ้าง
- ข้อควรพิจารณา: อาจรู้สึกฝืดในช่วงแรก และผู้ที่มีภาวะเหงือกร่นหรือเสียวฟันง่าย ต้องระมัดระวังเรื่องแรงกดเป็นพิเศษ
การแปรงเปียก
เป็นวิธีที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคย น้ำช่วยทำให้ยาสีฟันเกิดฟองและกระจายตัวง่าย ให้ความรู้สึกที่ลื่นไหลและนุ่มนวลกว่า
- ข้อดี: ให้ความรู้สึกลื่นและแปรงง่าย เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นฝึกแปรงฟัน หรือผู้ที่รู้สึกว่าการแปรงแห้งฝืดเกินไป
- ข้อควรพิจารณา: จุดอ่อนสำคัญคือการบ้วนน้ำมากๆ หลังแปรงฟัน ซึ่งเป็นการชะล้างฟลูออไรด์ที่เป็นหัวใจสำคัญในการป้องกันฟันผุออกไปเกือบหมด
แล้วจะเลือกแบบไหนให้เหมาะกับตัวเอง?
ไม่มีวิธีใดที่สมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับทุกคน การเลือกวิธีการแปรงฟันควรพิจารณาจากสภาวะช่องปากของแต่ละคน:
- ผู้ที่มีความเสี่ยงฟันผุสูง หรือมีภาวะปากแห้ง: แนะนำให้ใช้วิธี "แปรงแห้ง" และ "ไม่บ้วนน้ำตาม" เพื่อให้ฟันได้รับประโยชน์จากฟลูออไรด์อย่างเต็มที่
- ผู้ที่มีอาการเสียวฟันง่าย หรือคอฟันสึก: อาจเริ่มต้นด้วย "การแปรงเปียกเล็กน้อย" (แค่ให้แปรงพอชื้น) เพื่อลดแรงเสียดทาน แต่ยังคงต้องเน้นเรื่องการ "ไม่บ้วนน้ำตาม" และใช้แรงกดให้เบาที่สุด
- เด็ก หรือผู้ที่กำลังปรับพฤติกรรม: "การแปรงเปียก" อาจช่วยให้เริ่มต้นได้ง่ายกว่า แต่ผู้ปกครองควรเน้นย้ำเรื่องการบ้วนฟองออกเบาๆ แทนการบ้วนน้ำทิ้งมากๆ
สรุปจากทันตแพทย์: สิ่งที่สำคัญกว่าแปรงแห้งหรือเปียก
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าคุณจะถนัดการแปรงฟันแบบไหนก็ตาม สิ่งนั้นเป็นเพียงเทคนิคปลีกย่อย เพราะหัวใจของการแปรงฟันให้มีประสิทธิภาพสูงสุด คือหลักการพื้นฐานที่ต้องทำให้ครบถ้วนทุกครั้ง ดังนี้ครับ
- ใส่ใจกับเวลาและเทคนิค: แปรงฟันให้นานอย่างน้อย 2 นาที ด้วยวิธีที่ถูกต้องและนุ่มนวล ไม่ใช่การขัดถูแรงๆ
- เก็บฟลูออไรด์ไว้กับฟัน: ข้อนี้สำคัญที่สุดครับ หลังแปรงเสร็จ ให้บ้วนฟองทิ้งไปเบาๆ โดยไม่จำเป็นต้องบ้วนน้ำตามหลายครั้ง การบ้วนน้ำน้อยๆ เพียงครั้งเดียวก็เพียงพอแล้ว วิธีนี้จะช่วยให้ฟลูออไรด์จากยาสีฟันได้เคลือบผิวฟันและทำงานป้องกันฟันผุต่อได้
- อย่าลืมทำความสะอาดซอกฟัน: การแปรงฟันอย่างเดียวไม่พอ ต้องใช้ไหมขัดฟันหรือแปรงซอกฟันทำความสะอาดในส่วนที่แปรงเข้าไม่ถึงเป็นประจำทุกวัน
จำไว้ว่า วิธีที่ดีที่สุดไม่ใช่สูตรสำเร็จตายตัว แต่เป็นวิธีที่คุณสามารถทำได้อย่างสม่ำเสมอและทั่วถึงในทุกๆ วันครับ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
- Q: สรุปแล้วแปรงแบบไหนลดฟันผุได้ดีกว่ากัน?
- A: การแปรงแห้งร่วมกับการไม่บ้วนน้ำตาม มีแนวโน้มที่จะลดฟันผุได้ดีกว่า เพราะมีปริมาณฟลูออไรด์คงเหลือบนผิวฟันสูงกว่าอย่างมีนัยสำคัญ
- Q: จำเป็นต้องใช้น้ำยาบ้วนปากหลังแปรงฟันทุกครั้งหรือไม่?
- A: ไม่จำเป็นครับ โดยเฉพาะการบ้วนหลังแปรงฟันทันที เพราะจะเป็นการล้างฟลูออไรด์จากยาสีฟันออกไป ควรใช้ในเวลาอื่นของวัน เช่น หลังมื้อกลางวัน หรือใช้ตามคำแนะนำของทันตแพทย์สำหรับกรณีที่จำเป็นจริงๆ
- Q: แปรงสีฟันไฟฟ้าเหมาะกับแปรงแห้งหรือเปียกมากกว่ากัน?
- A: สามารถใช้ได้ทั้งสองแบบ แต่เนื่องจากแปรงไฟฟ้ามีประสิทธิภาพในการขจัดคราบสูงอยู่แล้ว การใช้แบบแห้งเพื่อเน้นประโยชน์จากฟลูออไรด์จึงเป็นทางเลือกที่ดี