การแปรงฟันเป็นกิจวัตรที่หลายคนทำจนเป็นนิสัย แต่การแปรงฟันเป็นประจำก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะแปรงได้อย่างถูกวิธีเสมอไป หลายคนยังคงมีปัญหาฟันผุและเหงือกอักเสบ ทั้งๆ ที่แปรงฟันทุกวัน นั่นอาจเพราะกำลังทำผิดวิธีโดยไม่รู้ตัว เป้าหมายที่แท้จริงของการแปรงฟันคือ การกำจัดคราบจุลินทรีย์ (Plaque) อย่างทั่วถึงและอ่อนโยนที่สุด ไม่ใช่การขัดถูแรงๆ เพื่อให้รู้สึกสะอาด
5 พฤติกรรมการแปรงฟันที่ผิดและส่งผลเสีย
- กดแปรงแรงเกินไป ความเชื่อที่ว่า "ยิ่งกดแรง ยิ่งสะอาด" เป็นความเข้าใจที่ผิด การใช้แรงกดมากเกินไปไม่เพียงไม่ช่วยให้คราบหลุดดีขึ้น แต่ยังทำร้ายฟันและเหงือกโดยตรง ทำให้เกิดภาวะ เหงือกร่น และ คอฟันสึกเป็นร่อง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของอาการเสียวฟัน สัญญาณเตือนง่ายๆ คือหากขนแปรงของคุณบานออกในเวลาเพียง 1-2 เดือน แสดงว่าคุณอาจแปรงฟันแรงเกินไปแล้ว
- วางแปรงผิดมุม การวางแปรงขนานกับตัวฟันแล้วถูไปมาในแนวนอน เป็นวิธีที่ไม่มีประสิทธิภาพ เพราะไม่สามารถทำความสะอาดบริเวณที่สำคัญที่สุดอย่าง ร่องเหงือก (Gum line) ได้เลย ทำให้คราบจุลินทรีย์ยังคงสะสมอยู่ที่ขอบเหงือก และเป็นบ่อเกิดของเหงือกอักเสบ เลือดออกขณะแปรงฟัน และกลิ่นปาก
- ใช้เวลาเร็วเกินไปและแปรงข้ามตำแหน่ง การแปรงฟันที่ใช้เวลาไม่ถึง 2 นาที มักทำให้การทำความสะอาดไม่ทั่วถึง โดยตำแหน่งที่มักถูกละเลยที่สุดคือ ฟันด้านใน (ฝั่งลิ้น) ของฟันล่าง และ ฟันกรามซี่ในสุด ซึ่งเป็นบริเวณที่ฟันผุได้ง่ายที่สุด
- เลือกแปรงสีฟันไม่เหมาะสม การเลือกใช้แปรงที่มี ขนแปรงแข็ง เพราะรู้สึกสะใจ หรือใช้แปรงที่มี หัวใหญ่เกินไป ล้วนส่งผลเสีย ขนแปรงที่แข็งจะทำร้ายเหงือกและผิวฟัน ส่วนหัวแปรงที่ใหญ่จะทำให้ไม่สามารถซอกซอนเข้าไปทำความสะอาดในบริเวณที่เข้าถึงยาก เช่น ฟันซี่ในสุดได้
- แปรงฟันทันทีหลังรับประทานอาหารที่มีกรด หลังจากดื่มน้ำอัดลม น้ำผลไม้รสเปรี้ยว หรือทานอาหารที่มีกรดเป็นส่วนประกอบ ผิวเคลือบฟันจะอ่อนตัวลงชั่วคราว การรีบแปรงฟันในทันทีจะเป็นการเร่งให้ผิวฟันสึกกร่อนเร็วขึ้นอย่างมาก
วิธีการแปรงฟันที่ถูกต้อง
- เทคนิค: ใช้วิธี Modified Bass โดยวางขนแปรง เอียง 45 องศา เข้าหาร่องเหงือก ขยับแปรงเป็นวงกลมสั้นๆ เบาๆ แล้วจึงปัดขนแปรงออกจากขอบเหงือก
- เวลา: แปรงฟันนาน อย่างน้อย 2 นาที ให้ครบทุกซี่ ทุกด้าน
- ความถี่: แปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง คือตอนเช้าและก่อนนอน
- ยาสีฟัน: ใช้ยาสีฟันที่มี ฟลูออไรด์ และหลังจากแปรงเสร็จ ให้แค่บ้วนฟองออก โดยไม่ต้องบ้วนน้ำตามมากๆ เพื่อให้ฟลูออไรด์ได้ทำงานอย่างเต็มที่
- การดูแลแปรง: ควรเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 3-4 เดือน หรือเมื่อขนแปรงเริ่มเสื่อมสภาพ
การปรับใช้สำหรับสถานการณ์เฉพาะ
- ผู้ที่จัดฟัน: ต้องใช้แปรงสำหรับคนจัดฟัน และใช้อุปกรณ์เสริม เช่น ไหมขัดฟันแบบพิเศษ (Superfloss) เพื่อทำความสะอาดรอบเครื่องมือ
- ผู้ที่เหงือกอักเสบ: ยิ่งต้องเน้นการแปรงบริเวณขอบเหงือกอย่างเบามือและสม่ำเสมอ เพื่อกำจัดคราบที่เป็นต้นเหตุ แม้จะมีเลือดออกก็ต้องพยายามแปรงให้สะอาด
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
- Q: แปรงสีฟันไฟฟ้าดีกว่าแปรงธรรมดาจริงหรือไม่?
- A: แปรงสีฟันไฟฟ้ามีข้อดีคือ ช่วยควบคุมแรงกดและจังหวะการขยับได้สม่ำเสมอ ซึ่งอาจมีประสิทธิภาพดีกว่าสำหรับคนทั่วไป อย่างไรก็ตาม หากสามารถใช้แปรงธรรมดาด้วยเทคนิคที่ถูกต้องและทั่วถึง ก็สามารถทำความสะอาดได้ดีไม่แพ้กัน
- Q: หลังแปรงฟัน ควรบ้วนน้ำตาม หรือแค่ถุยฟองออก?
- A: คำแนะนำในปัจจุบันคือ แค่ถุยฟองออกให้หมด โดยไม่ต้องบ้วนน้ำตาม หรือบ้วนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพื่อให้ฟลูออไรด์จากยาสีฟันได้คงเหลืออยู่บนผิวฟันและทำงานป้องกันฟันผุได้อย่างมีประสิทธิภาพ